หน้าแรก สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ สถานที่ท่องเที่ยวภาคใต้ สถานที่ท่องเที่ยวภาคตะวันออก
สถานที่ท่องเที่ยวภาคตะวันตก สถานที่ท่องเที่ยวภาคอีสาน สถานที่ท่องเที่ยวภาคกลาง
ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
ขอเชิญเพื่อนๆที่มีใจรักในการท่องเที่ยว เข้ามาร่วมพูดคุย แชร์ภาพ ประสบการณ์
ในการท่องเที่ยวกันในกลุ่มของเราใน Facebook ได้ตามลิงค์นี้
https://www.facebook.com/groups/unseentravel/
 
โปรโมทเว็บ
 
idolcute.com
 
อุทยานแห่งชาติขุนแจ
 

อุทยานแห่งชาติขุนแจเป็นชื่อเรียกตามชื่อของน้ำตกขุนแจตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ใช้เวลาเดินทางจากเชียงใหม่ประมาณ 1 ชั่วโมง ตามทางหลวงสายเชียงใหม่-เชียงรายอุทยานแห่งชาติขุนแจตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 ถือเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญครอบคลุมเนื้อที่ถึง 270 ตารางกิโลเมตรภายในอุทยานฯมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ สัตว์ป่าน้ำตกและทิวทัศน์ที่งดงาม นอกจากนั้นยังเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขามานานกว่า 100 ปี

การเดินทาง
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนแจตั้งอยู่ติดกับทางหลวงแผ่นดินสายเชียงใหม่-เชียงรายห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 62 กิโลเมตร การเดินทางไปยังอุทยานฯ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ

1.จากตัวเมืองเชียงใหม่เดินทางโดยรถบัสปรับอากาศหรือรถธรรมดาสาย เชียงใหม่-ดอยสะเก็ต-เชียงรายจากสถานีขนส่งจังหวัดเชียงใหม่แห่งที่ 2 (อาเขต)หรือนั่งรถสองแถวเล็กสีเหลืองสายเชียงใหม่-เวียงป่าเป้า-ท่ารถถนนไทยวงศ์

2.จากเชียงราย เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง และรถสองแถวเล็กซึ่งระยะทางห่างจากจังหวัดเชียงราย 129 กิโลเมตร

หากต้องการเช่ารถก็มีร้านเช่ารถที่ให้บริการทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย

สิ่งอำนวยความสะดวก :
อุทยานแห่งชาติขุนแจมีบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวน 2 หลัง พักได้หลังละ 15 และ 20 คนตามลำดับ อัตราค่าที่พักไม่ได้กำหนดไว้ให้นักท่องเที่ยวที่เข้าพักบริจาคเป็นค่าทำความสะอาดและค่าประกอบอาหารให้กับพนักงานของอุทยานฯ

อนึ่ง การเตรียมตัวเที่ยวในฤดูต่างๆนั้นในฤดูหนาวอากาศจะหนาวเย็นมากควรนำเครื่องกันหนาวไปด้วยส่วนในฤดูฝนก็ควรนำเสื้อกันฝนติดตัวไปด้วย

ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่อุทยานฯ แห่งชาติขุนแจ ประกอบด้วยหิน 2 ชนิด คือ หินอัคนีและหินตะกอน

พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นหินแกรนิตซึ่งเป็นหินที่พบเห็นได้ทั่วไปตามภาคเหนือของไทยหินแกรนิตเกิดจากการหลอมละลายของชั้นหินภายใต้ผิวโลกและถูกแรงบีบคั้นจนไหลออกมาตามรอยแยกบนผิวโลกและเย็นลงอย่างช้าๆ ปรากฏขึ้นบนผิวโลกโดยขบวนการพังทลายหินแกรนิตจะดูคล้ายกับเกล็ดเกลือสะท้อนแสงและพริกไทสีดำขนาดใหญ่ส่วนที่เป็นสีขาวคล้ายเกลือนั้น คือ แร่ควอช์ดและเฟลสปา ส่วนที่เป็นสีดำคือ ไมก้า

หินอัคนีอีกชนิดหนึ่งที่พบในอุทยานฯ เรียกว่า บะซอลท์(basaltic) ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว เป็นหินสีเทาที่มีเนื้อละเอียดหินภูเขาไฟเหล่านี้สามารถพบได้ทางแถบตะวันออกของอุทยานฯ

ส่วนหินตะกอนหินทรายและหินเชลมี เกิดจากการทับถมของตะกอนในแม่น้ำเวลานานเข้าจึงเกิดเป็นชั้นหินทราย ที่พบในอุทยานแห่งชาติขุนแจเป็นเมล็ดทรายขนาดเล็กสีเทาทับถมเป็นชั้นๆ หินเชลมีสีเป็นสีเนื้ออ่อนและง่ายต่อการแตกหัก

ภูมิประเทศของอุทยานฯส่วนใหญ่เป็นหุบเหวซึ่งเกิดจากการกระทำของกระแสน้ำกัดเซาะจนทำให้เกิดน้ำตกมากมายปริมาณน้ำฝนที่มากจึงมีอัตราการพังทลายของดินที่สูงทำให้เกิดภูมิประเทศที่เป็นหุบเหวลึกนี้

ลักษณะภูมิอากาศ :
ฤดูแล้งจะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 2-29 องศาเซลเซียส

ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม มีฝนตกเฉลี่ย 60 มิลลิเมตร/เดือน มีอุณหภูมิประมาณ 19-29 องศาเซลเซียส

ฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมีนาคม-มิถุนายน มีอุณหภูมิประมาณ 22-33 องศาเซลเซียส

พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า :
อุทยานแห่งชาติขุนแจมีพืชพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามระดับความสูงของพื้นที่จาก300-800 เมตร จะเป็นป่าไผ่และป่าเบญจพรรณ

ระดับความสูง 800-1,000 เมตรจะเป็นป่าดงดิบและป่าเต็งรัง

ระดับความสูง 1,000-1,500 เมตรจะเป็นป่าดิบและป่าสน ส่วนสภาพป่าที่สูงกว่า 1,500 เมตรขึ้นไปเป็นป่าดิบเขา

บริเวณหุบห้วย ปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนาแน่นเขียวชอุ่ม ซึ่งเป็นไม้จำพวกยางส่วนพืชชั้นล่างได้แก่ กล้วยป่า เฟิร์น มอสและหญ้าที่ขึ้นตามชายน้ำ

สัตว์ป่าที่พบเห็นได้ในอุทยานแห่งชาติขุนแจเห็นได้แตกต่างกันตามสภาพถิ่นที่อยู่อาศัยและช่วงเวลาระหว่างวัน

ในหุบเขาริมลำธารและป่าชุ่มชื้นเป็นบริเวณที่มีพืชพันธุ์เขียวชอุ่มจะพบสัตว์ป่าหลายชนิดได้แก่ ชะมด หมูป่า เก้ง เม่นกระรอกหลายชนิดทั้งที่อยู่บนต้นไม้และพื้นดิน ค้างคาว กระต่ายป่า

สัตว์ที่คาดว่าจะได้พบในอุทยานฯ เช่น หมี ลิงลม ชะนีธรรมดา แมวป่า เลียงผานกต่างๆเช่น นกแซงแซวสีเทา เหยี่ยวรุ้ง เหยี่ยวนกเขาซิครา นกจับแมลงหัวเทา นกตีทองนกเขียวก้านตองปีกสีฟ้า ไก่ป่า สัตว์เลื้อยคลาน เช่นงูเขียวหางไหม้ งูจงอางกิ้งก่าบิน ตุ๊กแก จิ้งเหลน เป็นต้น

จุดเด่นที่น่าสนใจ
น้ำตกแม่โถ
เป็นน้ำตกที่มีความงดงาม มีน้ำไหลตลอดทั้งปีมีทั้งหมด 7 ชั้น และมีความสูงที่สุดประมาณ 40 เมตร ในฤดูฝนชั้นนี้จะสวยงามมากการเดินทางโดยรถยนต์จากที่ทำการอุทยานฯถึงทางขึ้นน้ำตก(บ้านแม่โถ) ใช้เวลาประมาณ30-40 นาที ต่อจากนั้นเดินเท้าไปยังน้ำตกใช้เวลาชมน้ำตกทั้ง 7 ชั้น ประมาณ 2 ชั่วโมง

น้ำตกขุนแจ
เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและมีความโดดเด่นประกอบด้วยน้ำตก 6 ชั้น บริเวณน้ำตกมีพื้นที่สำหรับพักแรมกางเต็นท์ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์จากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเดินเท้าต่ออีก1 ชั่วโมงเพื่อไปยังน้ำตก

ดอยมด
ความหนาแน่นของป่าดิบชื้นระหว่างทางเดินขึ้นสู่ยอดดอยมดทำให้เกิดสังคมพืชหลากหลายชนิดปกคลุมแอ่งน้ำใสสะอาด เต็มไปด้วยพืชชั้นล่างมากมายรวมทั้งพืชชั้นต่ำ กล้วยไม้ดิน เฟิร์น มอส และพืชอื่นๆร่มรื่นอยู่ตลอดเวลาบนยอดดอยที่ระดับความสูง 1,700 เมตร รายรอบด้วยสภาพภูมิประเทศแปลกตาและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์นักท่องเที่ยวจะมองเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองเชียงใหม่ทางทิศตะวันตกตัวเมืองเชียงรายทางทิศตะวันออก ยอดดอยลังกาทางทิศใต้ และยอดดอยปางกอมทางทิศเหนือ

ดอยลังกา
ความอลังการของยอดดอยลังกา ที่มีความสูงมากกว่า 2,000 เมตร สูงเป็นลำดับที่ 5 ของประเทศไทยทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของอุทยานฯระหว่างการเดินทางสู่ยอดดอยลังกาดอยลังกาและยอดดอยบริวารตั้งอยู่ทางใต้สุดของพื้นที่อุทยานฯซึ่งเป็นเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนและอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้

ต้นไทร
ใกล้ๆกับที่ทำการอุทยานฯมีต้นไทรที่มีความโดดเด่นเจริญเติบโตจากต้นไม้หลายๆลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาออกไปมากมายกว้างใหญ่ ให้ร่มเงาครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,660 ตารางเมตรและมีพืชอิงอาศัย(epiphyte)อยู่มากมายหลายชนิด

อ่างเก็บน้ำแม่ฉางข้าว
อยู่ใกล้กับหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ 1 เป็นอ่างเก็บน้ำที่เหมาะสำหรับนักตกปลาและนักท่องเที่ยวทั่วไปใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจหรือรับประทานอาหารบนแพกลางอ่างเก็บน้ำที่ใสสะอาดก็จะได้บรรยากาศที่ดีทีเดียว

ข้อมูลจาก: thai.tourismthailand.org
 


 
Share |
มีผู้เข้าชมแล้ว : 8897 ครั้ง
 
 
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในภาคเดียวกัน
 
 
 
รวมสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย ไม่ไปไม่รู้กับ Unseentravel.com |
Copyright©2009 www.unseentravel.com all right reserved จัดทำโดยทีมงาน Thai Nationl Network (ThaiNN)